จุลีนาชอบท่องเที่ยวมาก เริ่มเที่ยวครั้งแรกตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบดีเลย ขอแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองต่างๆจากการเดินทางนะคะ
วิวฤดูใบไม้ร่วงที่มีชื่อของแคนาดา
วันนี้ก็ตื่นเช้าอีกเหมือนเดิม ตอนตี 5 อีกแล้ว พยายามนอนต่ออีกก็นอนได้ถึงแค่ 7 โมงเช้า วันนี้ไม่ต้องออกไปกินข้าวนอกห้องเพราะตอนเช็คอินท์ได้คูปองมา 25 ดอลล่า ม๊าม้าเลยสั่งอาหารเช้ามาให้จุลีนากินในห้องเหมือนเจ้าหญิงเลย ดีใจจัง รวมอาหารชุดเดียวสำหรับจุลีนาคูปองไม่พอจ่ายเพราะราคาตั้ง 33 ดอลล่าแน่ะ...แพงจัง
กินข้าวเสร็จก็ออกจากโรงแรมประมาณ 10 โมงเช้า นั่งรถไปประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงภูเขา

ใบเมเปิ้ลสวยๆที่เก็บมา
กระเช้าไฟฟ้ารูปรถโฟล์ค









พอไปถึงจะหาที่จอดรถแต่เต็มไปหมดต้องวนหาอยู่พักใหญ่เลยกว่าจะเจอ พอจอดรถได้ก็ไปขึ้นรถกอนโดล่าขึ้นไปบนยอดเขา พอไปถึงยอดเขาเจอวิวเข้าอึ้งไปเลยเพราะกลาายเป็นฤดูหนาว หิมะคลุมเต็มไปหมดทั้งๆที่ข้างล่างตรงที่จอดรถไม่มีหิมะเลยสักนิดเดียว เดินเล่นกันสักพักนึงจุลีนาก็ได้เล่นหิมะเต็มอิ่มเลย เล่นจนเหนื่อยก็เดินเข้าไปหาที่นั่งพักในร้านอาหารใกล้ๆประมาณชมนิดๆก็ออกมานั่งรถกอนโดล่ากลับลงข้างล่าง แล้วก็เดินเล่นดูวิวต้นเมเปิลที่มีชื่อของแคนาดา 
ที่ล่างกว้างๆด้านล่างภูเขามีที่ให้ปีนเขาสำหรับเด็กด้วย จุลีนาเลยลองซะหน่อย  เล่นเสร็จก็ไปนั่งรถกอนโดล่าอีกรอบนึงเพื่อที่จะลงไปที่จอดรถแต่คราวนี้เป็นรถกอนโดล่าที่นั่งได้ฟรี แถมแต่ละคันเป็นรูปรถหลายๆยี่ห้อ ทั้งบีเอ็ม โฟล์คสวาเกน จุลีนาเลยเลือกนั่งรอบละยี่ห้อ นั่งขึ้นนั่งลงเขาอยู่หลายรอบเลย สนุกดี 
กลับมาถึงรรหนึ่งทุ่มกว่าๆ ก็รีบซักเสื้อผ้าที่ใช้มาตลอดทริปนี้ แล้วนอนเลย 

เข้าพักโรงแรมที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในโลก โรงแรมแฟร์มอนต์เลอชาโตฟร์อนเทนาค

โรงแรมสัญลักษณ์เมืองควิเบก
 วันนี้ทุกคนตื่นมาพร้อมๆกันตั้งแต่ตี 5 ยังไม่ชินกับเวลาแคนาดา...วันนี้ต้องย้ายโรงแรม โรงแรมที่จะพักวันนี้เป็นโรงแรมที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในโลก เพราะเป็นโรงแรมที่สวยมากๆ ชื่อโรงแรมแฟร์มอนต์เลอชาโตฟร์อนเทนาค (Fairmont Le Chateau Frontenac)โรงแรมนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองควิเบกนี้เลย ถ้าใครเคยมาที่เมืองนี้ต้องมีรูปโรงแรมนี้กลับไปแน่ๆ
ใบเมเปิ้ลสวยๆที่ระลึก



ยังเช้าอยู่เช็คอินท์ไม่ได้ก็เอาของเข้าไปฝากที่โรงแรม แล้วจอดรถไว้ในโรงแรมแล้วก็ออกมาเดินเล่นรอบๆ แถวๆโลเวอร์ทาวน์ (Lower Town) หรือ เมืองตอนล่าง มีถนนแหล่งช็อปปิ้งด้วย ร้านค้าสวยๆเต็มไปหมด ช่วงนี้ใกล้ฮาโลวีน ร้านค้าส่วนใหญ่ก็แต่งร้านด้วยฟักทองกับข้าวโพด น่ารักๆเยอะแยะ จุลีนาเดินไปเจอร้านขายน้ำเชื่อมเมเปิ้ลอร่อยๆ ระหว่างทาง แต่ไม่ใช่น้ำเชื่อมเมเปิ้ลธรรมดานะเป็นลูกอมน้ำเชื่อมเมเปิ้ล อันละ 2 ดอลล่า เป็นน้ำเชื่อมที่เหนียวกว่าน้ำเชื่อมธรรมดา เทลงในช้อนแล้วเอาแช่ตู้เย็นสักพักก็ออกมาแข็งๆนิดๆเหมือนลูกอมเลย จุลีนาชอบมากๆ

ร้านค้าสวยๆในถนนช้อปปิ้ง
แหล่งช็อปปิ้งใกล้ๆ Lower Town
ลูกอมน้ำเชื่อมเมเปิ้ล
เดินเล่นจนเหนื่อยก็แวะกินอาหารชื่อดังของเมืองที่จุลีนาตั้งใจจะมากินตั้งแต่อยู่ที่ญี่ปุ่น ชื่อแปลกๆว่า ปูเทียน (Poutine) เป็นมันฝรั่งทอดราดด้วยน้ำเกรวี่ แล้วก็มีท็อปปิ้งหลายๆอย่างให้เลือก อร่อยมากๆ เลย
กินข้าวเสร็จก็แวะซื้อนำ้เชื่อมเมเปิ้ลที่ระลึกแล้วก็กลับเข้าโรงแรมประมาณบ่ายๆ ห้องสวยมากๆ เก่าขลังดีแต่ไม่น่ากลัว วิวจากหน้าต่างสวยมากๆ มองเห็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเกือบหมดเลย นั่งพักเหนื่อยเสร็จก็ลงไปเล่นน้ำในสระในโรงแรมแต่หนาวมากๆเลยไม่ค่อยได้เล่นน้ำได้แต่นั่งแช่ในอ่างจากุชชี่แก้หนาว เล่นน้ำเสร็จก็นอนกลางวันหน่อยเพราะเมื่อเช้าตื่นเช้ามากๆ ตกดึกตื่นขึ้นมาออกไปเดินเล่นดูวิวตอนดึก โรงแรมนี้ทั้งสวยทั้งสะดวกดี จะไปไหนก็เดินออกไปได้เจอเลยไม่ต้องนั่งรถ จุลีนาชอบมากๆ

น้ำเชื่อมเมเปิ้ลให้เลือกเยอะแยะ
อาหารประจำเมืองควิเบก



เที่ยวเมืองควิเบกซิตี้เมืองมรดกโลกของแคนาดา

แพะตัวสำคัญในประวัติศาสตร์ของ
ป้อมปราการนี้
วันนี้จุลีนาตื่นเช้ามากๆ ตื่นมาตั้งแต่เที่ยงคืนแน่ะ แต่นอนได้ต่ออีกถึงเช้า ตื่นเช้ากินข้าวเสร็จก็นั่งรถไปเที่ยวเมืองแรกของทริปนี้ ชื่อเมืองควิเบก ซิตี้เป็นเมืองเก่าแก่ที่สวยมากๆ เมืองนี้เป็นเมืองเดียวในประเทศแคนาดาที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาหลักของเมือง เมืองควิเบกเป็นเมืองเก่าแก่เมืองแรกๆที่ชาวยุโรปเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ เมืองนี้ถูกค้นพบโดยชาวฝรั่งเศสตั้งแต่เมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็มีคนฝรั่งเศสย้ายเข้ามาอยู่ที่เมืองนี้เยอะแยะทั้งภาษาฝรั่งเศสทั้งวัฒนธรรม อาหารฝรั่งเศสเลยแพร่หลายตั้งแต่นั้นมา เขตเมืองเก่าของเมืองนี้สวยมากๆจนได้เป็นมรดกโลกด้วย
ออกจากโรงแรมตอน 9 โมงนิดๆถึงที่เมืองควิเบกประมาณเที่ยงนิดๆ เช็คอินท์เข้าโรงแรมเอาของลงแล้วก็ไปจอดรถที่ใกล้ๆสำนักงานนักท่องเที่ยวแถวจุดที่ทำป้อมปราการ ค่าจอดรถแค่ 7 ดอลล่าแคนาดา ทัวร์ในเขตป้อมปราการมีไกด์อธิบายเรื่องราวให้ฟังด้วย  ยากนิดหน่อยแต่ก็พอเข้าใจคร่าวๆว่าเมืองนี้เป็นเมืองสำคัญที่อังกฤษ กับฝรั่งเศสทำสงครามกันหลายครั้งมากๆเพื่อที่จะแย่งกันเป็นเจ้าของเมืองนี้ รอบๆมีประตูเมืองยาวตั้ง 4.6 กิโลเมตรล้อมรอบด้วย
ด้านหน้าป้อมปราการ
วิวจากป้อมปราการ

ไกด์อธิบายประวัติศาสตร์
วิวเมืองควิเบก


ไปเที่ยวแคนาดากันไม๊

วันนี้ออกเดินทางไปแคนาดา ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ 9 โมงเช้าเลย เช็คอินท์เรียบร้อยก็ออกจากสนามบินไปเดินเล่นที่ห้างอิออนใกล้ๆสนามบิน ไปกินปลาดิบร้านเดิมที่กินก่อนไปเยอรมัน ร้านโปรดของจุลีนา เครื่องออกตอน 4 โมงเย็น กว่าจะถึงคาร์การี่ก็ใช้เวลาตั้ง 10 ชั่วโมงแน่ะ
จากสนามบินคาร์การี่มีเวลาเอาของแล้วเปลี่ยนเครื่องไปลงที่มอนทรีออลแค่ชั่วโมงเดียวเอง ถ้าไม่ทันก็ต้องซื้อตั๋วใหม่ จุลีนาตื่นเต้นจะตายกลัววิ่งไม่ทัน พอเครื่องจอดปุ๊ปจุลีนารีบเตรียมตัวลงรีบวิ่งไปด้วยช่วยม๊าม่าถือของด้วย จนขึ้นเครื่องแล้วถึงอุ่นใจ เฮ้อ! ตื่นเต้นแทบแย่ แต่ม๊าม้าป๊าป้าชมจุลีนาใหญ่เลยว่าเก่งมากๆ เย้!
นั่งต่ออีก 4 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงเมืองมอลทรีออลประเทศแคนาดาจนได้ เหนื่อยมากๆ ไปรับรถเช่าแล้วก็ขับตรงเข้าโรงแรมเลย กินข้าวเย็นในโรงแรมเสร็จก็นอนอย่างเดียว zzz

ออนเซ็นยามาดะ

เล่นหิมะกันไม๊!
วันนี้หนาวมากๆจุลีนากับม๊าม้าเลยบอกให้ป๊าป้าพาไปออนเซ็นไปแช่บ่อน้ำร้อนอุ่นๆกัน ระหว่างทางแวะที่ฟาร์มยามาดะด้วยที่ฟาร์มนี้ตอนหน้าร้อนเป็นฟาร์มแต่หน้าหนาวหิมะเยอะมากเลยใช้เป็นที่เล่นสกี แต่ด้านหน้ามีที่โล่งๆให้เล่นเลื่อนได้ด้วย ถ้ามาที่นี่แล้วไม่ได้เล่นสกีก็ไม่ต้องเสียตังค์จุลีนาเอาเลื่อนอันเล็กๆมาเองเล่นได้ฟรีๆเลย!





ทางเข้าออนเซ็น
เล่นเลื่อนจนเหนื่อยก็นั่งรถไปนิดเดียวไปที่ออนเซ็นใกล้ๆที่ชื่อออนเซ็นชิจิมิ ด้านในมีโรงแรมหลายๆที่ทุกที่มีบ่อน้ำแร่ของตัวเองแต่ที่ที่เคยไปบ่อยๆแล้วม๊าม่าชอบมากเป็นบ่อน้ำแร่ด้านนอกของโรงแรมที่ชื่อไคซันเท บ่อน้ำแร่ด้านนอกนี้มีชื่อด้วยนะ ชื่อว่าเมกุมิโนะยุ หรือแปลเป็นไทยได้ว่าน้ำแร่แห่งน้ำใจ บ่อออนเซ็นนี้มีบริการให้คนที่ไม่ใช่แขกของโรงแรมเข้าได้ด้วย ซื้อตั๋วด้านหน้าก็เข้าได้เลย แต่ต้องเตรียมผ้าเช็ดตัวมาเอง แล้วก็มีเวลาที่เข้าได้ช่วงกลางวันเท่านั้น
น้ำแร่ที่นี่ดีมากๆสีขาวอ่อนๆแช่แล้วผิวลื่นมากๆ เป็นน้ำแร่ออกมาจากบ่อโดยตรงไม่ผสมน้ำไม่ใช้ซ้ำคือปล่อยไหลทิ้งเลยไม่เอาเข้าบ่ออีกรอบ แต่วันนี้อากาศหนาวมากจริงอุณภูมิลดลงมากจากน้ำแร่ก็ไม่ค่อยร้อนเหมือนทุกที แช่ได้แป๊ปเดียวก็หนาวจนต้องรีบขึ้นมาใส่เสื้อผ้ากันเป็นหวัด!

อร่อยมากๆ!
ประมาณบ่ายสี่โมงก็มาถึงโรงแรมที่ชื่อฟุเคคัน ที่ออนเซ็นอีกอันนึงที่ชื่อยามาดะออนเซ็น โรงแรมนี้มีออนเซ็นพิเศษด้านนอกตัวโรงแรมที่ต้องเดินลงบันไดไปถึง 150 ขั้นเพื่อที่จะไปที่ออนเซ็นนี้ ป๊าป้าเข้าห้องปุ๊ปก็รีบไปเลย แต่จุลีนากับม๊าม้าขอผลัดเป็นพรุ่งนี้แทน !
ทางเดินไปออนเซ็นเซ็นนิน

น้ำแข็งสวยๆ

วัดสุวะไทชะเมืองสุวะจังหวัดนากาโน่

วันนี้ป๊าป้าดีใจแต่เช้าเพราะจะได้ไปเที่ยวร้านขายเหล้าญี่ปุ่นชื่อดังที่ชื่อร้านมาสุมิอยู่ที่เมืองสุวะ ป๊าป้าซื้อเหล้ากลับมาเต็ม นอกจากเหล้าก็มีของกินแกล้มกับเหล้าอร่อยๆด้วย ที่ม๊าม้าชอบมากก็เป็นแผ่นเต้าหู้อร่อยมากๆ

มีเหล้าญี่ปุ่นสาเกหลายแบบเยอะแแยะ
หน้าร้านมาสุมิ










ขนมอร่อยระหว่างทาง!
ออกจากร้านเหล้าก็แวะไปเที่ยววัดสุวะไทชะที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเหล้า วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ถึงพันสองร้อยกว่าปีแน่ะ เป็นหนึ่งในวัดที่ศักสิทธิ์แล้วก็เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลย
ที่วัดนี้มีเทศกาลที่มีชื่อเป็นเทศกาลที่ชื่อว่าอนบาชิระ (Onbashira Festival) เป็นเทศกาลลากต้นไม้ต้นใหญ่ๆลงมาจากบนเขาแล้วไม่ใช่ลากลงมาเฉยๆนะ มีคนนั่งอยู่บนนั้นด้วยเต็มเลยระหว่างที่ลากลงมาตามทางภูเขาลื่นๆบางครั้งก็ลงมาเร็วมากมีคนเสียชีวิตในเทศกาลด้วย จุลีนาฟังแล้วกลัวจัง

ต้นไม้อันนี้แหล่ะที่ลงมา
ระหว่างงานเทศกาล
วัดสุวะไทชะ 
ด้านในวัด

เสาที่เอาลงมาจากบนเขาระหว่างเทศกาลถือเป็นต้นไม่ศักสิทธิ์มีปักไว้อยู่ในวัดด้วย เป็นเสาอันใหญ่มากๆนึกไม่ออกเลยว่าเอาลงมาได้ยังไง แต่ไม่อยากดูหรอกกลัว!
ระหว่างทางกลับแวะที่บ่อน้ำร้อนที่ชื่อคามิโนะยุด้วย น้ำแร่ที่นี่เป็นสีน้ำตาลอ่อนๆเหลืองหน่อยๆ เป็นสีที่แปลกไม่ค่อยมีทั่วไป แช่แล้วสบายๆผิวลื่นๆ

บ่อน้ำแร่ออนเซ็นก่อนกลับ







วัดนุโนะบิคิเมืองโคโมโละจังหวัดนากาโน่

วันนี้ไปเที่ยวที่วัดนุโนะบิคิเมืองโคโมโละจังหวัดนากาโน่ ที่วัดนี้มีเรื่องเล่าชื่อดังที่เกี่ยวกับวัดเซนโคจิชื่อดังของเมืองนากาโน่ด้วย ว่ากันว่ามีวัวตัวนึงดึงผ้ามาจากหญิงแก่ที่กำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำให้หญิงแก่คนนั้นที่ไม่เคยเข้าวัดเข้าวาวิ่งตากมาเอาผ้าคืน วัวตัวนั้นวิ่งหนีไปจนถึงวันเซนโคจิเมืองนากาโน่แล้วกลายร่างเป็นเทพเจ้าและตักเตือนหญิงแก่คนนั้นให้หัดเข้าวัดไหว้ทำความดีบ้าง หญิงแก่คนนั้นจึงกลับใจได้กลายเป็นคนที่ทำแต่ความดีเข้าวัดเข้าวาแล้วก็สร้างวัดนี้ขึ้นมาบนเขาใกล้ๆกับจุดที่วัวมาดึงเอาผ้าที่ตนซักอยู่ไป ตึกหลักของวัดนี้ตั้งอยู่บนเขาที่สามารถมองเห็นเมืองโคโมโละได้ทั้งเมือง

มีเรื่องเล่าเริ่มต้นจากแม่น้ำ
ตรงนี้

ทางเดินเป็นน้ำแข็ง!
วิวระหว่างทาง




ระหว่างที่จุลีนาเดินขึ้นไปบนเขาทางเดินเป็นน้ำแข็งหมดเลยลื่นมากๆด้วย ม๊าม่ากลัวมากเดินช้ามากๆๆๆเลยเพราะกลัวลื่น จุลีนาจับมือป๊าป้าตลอดทางกันล้ม ถึงที่โบสถ์ด้านบนก็หายเหนื่อยเพราะวิวสวยมากได้ถ่ายรูปกับรูปปั้นวัวที่อยู่ในเรื่องเล่าด้วย

วัวตัวนี้แหล่ะที่อยู่ในเรื่องเล่าของวัดนี้! 
ถึงที่แล้ว!